วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สถานที่ท่องเที่ยว...สุดตะลึง!!สวยมากทีเดียว

1. Ristorante Grotta Palazzese อิตาลี

              Ristorante Grotta Palazzese ห้องอาหารหรู และอลังการที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในถ้ำ Polignano ชายหาด Mare ของโรงแรม Hotel Ristorante Grotta Palazzese ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่าทศวรรษแล้ว ใครอยากลองหาประสบการณ์ดินเนอร์แบบหรูเลิศแล้วล่ะก็ อย่าได้พลาด

2. Chichilianne, Rhone Alpes ฝรั่งเศส



       ภูเขามหึมา Mont Aiguille ที่สูงเกือบ 7,000 ฟุต เป็นหนึ่งในเทือกเขา The French Prealps (Préalpes) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส ตั้งสงบนิ่งเป็นแบ็กกราวด์ให้กับเมืองที่อยู่เบื้องล่าง เป็นวิวที่สุดแสนอลังการ ใครได้อยู่ที่นี่ขอบอกคำเดียวว่า อิจฉาตาร้อนสุดๆ คงจะรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองลับแลอะไรบางอย่าง

3. Tiger’s Nest Monastery, Paro Valley ภูฏาน



              วัดทั๊กซัง หรือ วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่โด่งดังที่สุดในภูฏาน ตั้งอยู่บนขอบของหน้าผาที่สูง 3,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเลเหนือหุบเขาพาโร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา และการเดินทางไปที่แห่งนี้นอกจากความเพียรแล้วต้องมีศรัทธาอันแรงกล้า และความแข็งแกร่งของแรงขาทั้งสองข้างในการเดินขึ้นเขาที่สูงชันท่ามกลางอากาศที่บางเบา

4. Dubrovnik โครเอเชีย



             ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) เป็นเมืองยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 และทุกวันนี้ก็ยังคงสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เสน่ห์ของเมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงพอๆ กับกำแพงเมืองจีนนี้ไม่สามารถบรรยายได้โดยเฉพาะในเขตเมืองเก่า (Grad - Old City) ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ใครมาที่นี่คงได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ประวัติศาสตร์ และเสน่ห์ที่ลึกลับของยุคกลางเป็นแน่

5. Albarracín, Aragon สเปน



              เมือง Albarracín เป็นหมู่บ้านยุคกลางตั้งอยู่บนภูเขาหินทางเหนือของสเปน ซึ่งรายล้อมไปด้วยกลุ่มของบ้านสีชมพูที่ล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณ ป้อมปราการ Alcázar ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 สูงขึ้นไปเหนือไหล่เขาทำให้สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง 

6. Hallstatt ออสเตรีย


               เมืองฮัลล์ชตัทท์ (Hallstatt) เมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เป็นเมืองยุคกลางที่มีคนอาศัยอยู่ไม่ถึง 1,000 คน และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรียอีกด้วย นอกจากวิวที่สวยงามเหมือนในเทพนิยายแล้ว ที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์การทำเหมืองมาอย่างยาวนาน ลองแปลงร่างเป็นคนงานไปสำรวจเหมืองเก่าดูก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย



 7. Aecher สวิตเซอร์แลนด์



            โรงแรม Aescher ตั้งอยู่บนภูเขา Appenzellerland ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะยากเย็นสักหน่อยสำหรับการที่จะไปถึง แต่เคเบิ้ลคาร์ก็ทำให้ดูง่ายขึ้นมาอีกนิดหน่อยสำหรับไปการเที่ยวที่นี่ โรงแรมนี้ดูเหมือนๆ โรงแรมทั่วไปที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกธรรมดาๆ แต่ไฮไลท์หลักคืออาหารที่รสชาติเป็นเลิศ และเว้นทางการผจญภัยริมหน้าผาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ตะหาก

8. Haiku Stairs ฮาวาย



          บันไดที่เหมือนจะพาขึ้นมาถึงสวรรค์แห่งนี้อยู่ที่ฮาวาย เป็นเส้นทางเดินป่าสูงชันที่ถูกปิดและห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวย่างกรายเข้าไป แต่ยังไงก็ตาม หนทางสู่สวรรค์อยู่ตรงหน้าก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย นักท่องเที่ยวหลายคนยังคงปีนขึ้นไป แม้จะมีป้ายห้ามขึ้นก็ตาม ด้วยทางสูงชัน และสิ้นสุดที่จุดสูงสุด 2,800 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลแน่นอนว่าภาพที่ได้เห็นตรงหน้าคุ้มค่ามากสมกับที่ปีนขึ้นมาอย่างแน่นอน

9. Þingvallavatn Lake, ไอซ์แลนด์



          ว่ายน้ำข้าม 2 ทวีปได้ในพริบตา เพียงมาที่นี่ Þingvallavatn Lake ที่ไอซ์แลนด์ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป นักดำน้ำโชคดีจะสามารถว่ายน้ำในระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทั้งสองทวีปได้ และที่สำคัญแผ่นเปลือกโลกตรงนี้จะกว้างขึ้นปีละ 2 เซนติเมตร หมดปัญหานักดำน้ำตัวใหญ่หน่อยก็สามารถลงไปได้แล้วด้วย

10. Chefchaouen ตะวันตกเฉียงเหนือของโมร็อคโค


       
              เมืองเชฟชาอูน(Chefchaouen) หรือนครสีฟ้า เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ใน หุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโมร็อคโค เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 538 ปี นักท่องเที่ยวที่มาต้องหลงใหลในอากาศบริสุทธิ์ และความสะอาดของเมืองที่ได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ และด้วยตึกรามบ้านช่องสีฟ้า และขาว สดใสไปทั้งเมืองสร้างแรงบันดาลใจให้หลายอย่างทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น